เที่ยวอำเภอเสาไห้ สระบุรี แวะสักการะหลวงพ่อย้อย เกจิดังแห่งวัดอัมพวัน

เช็กอินถิ่นไท-ยวน ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล ชวนช้อปของดี สระบุรี
January 22, 2020
Rimna Cafe in Farm คาเฟ่ในฟาร์ม สนุกครบรสทั้งของกินและที่เที่ยว
January 22, 2020

เที่ยวอำเภอเสาไห้ สระบุรี แวะสักการะหลวงพ่อย้อย เกจิดังแห่งวัดอัมพวัน

ไม่ว่าอดีต วัด จะมีความสำคัญต่อสังคมไทยขนาดไหน? ปัจจุบัน วัด ก็ยังเป็นศูนย์รวมใจที่พุทธศาสนิกชนให้ความสำคัญและสืบทอดปฏิบัติต่อกันมายาวนานจนถึงทุกวันนี้

วันนี้โคอี้มอร์รี่เลยจะนำพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวทำความรู้จักกับวัดดังจากเมืองสระบุรีให้มากขึ้นกับ วัดอัมพวัน ใน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ส่วนวัดแห่งนี้จะน่าสนใจขนาดไหน? มีจุดเด่นอะไรที่เราควรรู้บ้างนั้นตามโคอี้ไปชมแบบเต็ม ๆ พร้อมกันเลยมอร์

สำหรับบรรดาผู้ที่นิยมวัตถุมงคลคงจะคุ้นเคยและรู้จัก วัดอัมพวันในสระบุรีนี้เป็นอย่างดี เนื่องจาก หลวงพ่อย้อย ซึ่งเป็นพระที่มีเมตตากรุณาและปฏิบัติศาสนกิจโดยไม่มีข้อบกพร่อง เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ และนอกจากนั้นท่านยังทำเครื่องรางของขลังใช้เป็นเครื่องป้องกันอันตราย เมตตามหานิยม ตลอดจนวัตถุมงคลที่นำมาลาภยศสำหรับผู้ที่มีไว้ประจำตัวอีกด้วย

“วัดอัมพวัน” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอ แต่เยื้องไปตามลำน้ำเล็กน้อยใน ม.4 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เดิมชื่อว่า “วัดม่วงล้อม” เพราะบริเวณวัดปรากฏว่าเต็มไปด้วยต้นมะม่วงขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณวัด

โดยสมัยนั้นยังปรากฏวิหารเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ถือปูนด้วยขนาดหน้าตักกว้าง 110 ซม. สูง 145 ซม. ซึ่งมีหลักฐานปรากฏว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีอายุความเก่าแก่ประมาณ 400 ปีเศษ ในระแวกนี้เดิมมีบ้านเรือนผู้คนมาขอปลูกอาศัยเป็นจำนวนมาก

ต่อมาท่านพระครูติ๊บ ซึ่งเป็นพระครูเมืองวัดเขาแก้ว ได้มาปฏิสังขรณ์วัดม่วงล้อมใหญ่ สร้างกุฏิสงฆ์ และพระอุโบสถขึ้น แล้วให้นามวัดว่า “วัดอัมพวัน” นับตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน โดยมีหลวงตาจั่นเป็นเจ้าอาวาสและเมื่อหลวงตาจั่นมรณภาพไปแล้ว อาจารย์ย้อย ปุญญมี จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็ยเจ้าอาวาสแทนต่อมา เมื่อ พ.ศ.2454

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญก็คือ ที่เก็บสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อย้อย ที่ชาวบ้านให้ความเคารพสักการะมาอย่างยาวนาน โดยประวัติหลวงพ่อย้อย ปุญญมี เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี โดยพระอธิการย้อย ฉายา ปุญญมี ชื่อเดิม ย้อย นามสกุลชาติภูมิ เกิดวันที่ 1 ก.ค. 2435 ปีมะโรง ที่บ้านโรงเหล้า (บ้านอัมพวัน) ม.3 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย บิดาชื่อ นายนิ่ม เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ มารดาชื่อ นางแป๋ เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ ก่อนบรรพชาอุปสมบท อยู่บ้านโรงเหล้า (บ.อัมพวัน) ม.3 ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี

โดยหลวงพ่อการศึกษาสำเร็จชั้นประถมปีที่ 4 พ.ศ. 2452 ที่วัดวังแดงเหนือ บรรพชาที่วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุ 16 ปี เศษ มีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทที่วัดอัมพวัน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2456 อายุ 21 ปีมีพระครูสา วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระใบฎีกาโป๋ วัดวังแดงเหนือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์มีพระใบฎีกานาค วัดสมุหประดิษฐาราม อ.เสาไห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ตำแหน่งตามพรบ.คณะสงฆ์ ตำแหน่ง พระอธิการเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน เมื่อ พ.ศ. 2461 อายุ 26 ปี มรณภาพ วันที่ 19 ธ.ค. 2525 รวมอายุ 90 ปี รวม 72 พรรษา

สำหรับ “เหตุที่มาแห่งพระบรมสารีริกธาตุ” วันหนึ่งภายหลังจากที่ท่านอาจารย์ย้อย ปุญญมี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวันแล้วไม่นาน มีเด็กวัดคนหนึ่ง ชื่อเด็กชายทด ซึ่งอาศัยอยู่กับท่านมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กได้แบกหีบไม้ใบใหญ่มาด้วยแล้วบอกกับท่านอาจารย์ว่า “ก๋งผมตายเสียแล้ว แต่ก่อนที่กำลังจะตายได้สั่งไว้ให้ผมนำหีบไม่ใบนี้มาถวายเป็นสมบัติของหลวงลุง แล้วก๋งยังบอกว่า ในหีบใบนี้มีสมบัติล้ำค่าอยู่ สิ่งหนึ่งซึ่งหาไม่พบมานานแล้ว” แต่มิได้บอกว่าเป็นของอะไร เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยังไม่เข้าใจและสนใจอะไรนัก ท่านจึงสั่งให้เด็กชายทด ซึ่งขณะนั้นอายุ 12 ปี นำหีบใบนั้นไปเก็บไว้ในกุฏิของท่านก่อน

ต่อมาหลายวันท่านนึกถึงหีบในนั้นขึ้นมาได้ จึงสั่งให้เด็กชายทดนำหีบดังกล่าวมาเปิดออกดู ก็ไม่ปรากฏทรัพย์สินของมีค่าอะไร ท่านจึงคว่ำหีบเคาะดู และได้ยินเสียงกริ๊ก ท่านจึงหงายหีบออก ก็ปรากฏเม็ดขาวๆ ตกอยู่ ณ ที่นั้น เด็กชายทดเอานิ้วไปกดๆ ดู ก็กลับลื่นตกลงไปอยู่ใต้ถุนกุฏิ อาจาย์ย้อยนั่งนึกอยู่นานว่าเป็นอะไรแน่ ด้วยสติความระลึกถึงพระบรมสารีริกธาตุได้ ก็เกิดความปลื้มปิติและตกใจพร้อมกัน เมื่อระงับสติได้แล้ว ท่านก็สั่งให้เด็กชายทดรีบลงไปหามาให้ได้ แต่เด็กชายทดก็หาไม่พบ ท่านจึงเข้าไปในกุฏิ จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป แล้วตั้งสัตย์อธิษฐานว่า หากสิ่งนี้ เป็นพระบรมสารีริกธาตุ จริงแล้ว ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงช่วยดลบันดาลให้หาพบสิ่งที่ตกลงไปใต้ถุนเมื่อสักครู่นี้ เมื่อเสร็จจากการบูชาแล้ว ท่านก็ได้ลงไปหาเองอยู่สักครู่ ก็พบพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งปรากฏรัศมีเรืองแสงรองอยู่ในที่มืดสลัวจึงรีบเก็บและนำขึ้นมาพิจารณาดูอีกครั้ง และแน่ใจในที่สุดว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุเพราะมีลักษณะต้องตามตำราที่ท่านเคยพบมา จึงนำขึ้นไว้ในที่อันสมควรแต่นั้นมา

หลวงพ่อย้อย เป็นพระภิกษุผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ ที่เจริญด้วยเมตตาอย่างยิ่ง คุณลักษณะพิเศษท่านก็คือท่านไม่เคยขัดศรัทธาของผู้ที่ไปหาท่าน ต้องการให้ท่านทำ หรือช่วยอย่างไร ท่านทำให้ทุกอย่าง ท่านมีวิชาอาคมเวทย์มนต์คาถาแต่ใช้ในทางที่ถูกเท่านั้น ช่วยเหลือ ป้องกันภัยไม่ว่าจะลงกระหม่อม ทำน้ำมนต์อาบให้หรือปลุกเสกเครื่องลางของขลังไว้ป้องกันตัวจากภัย อันตรายต่าง ๆ

อีกประการหนึ่งท่านมีประสาทหูเสีย(หูหนวก) จึงมีสมาธิดีกว่าปกติเพราะไม่สามารถฟังเสียงรบกวนจากบริเวณใกล้เคียง ของขลังของท่านจึงศักดิ์สิทธิ์ มีพุธานุภาพมาก แม้กระทั่งว่าท่านเจ้าคุณพระมหานายก วัดบวรนิเวศลูกศิษย์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมกาสังฆปรินายก เล่าให้ฟังว่าท่านสมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีและคาดตระกรุดหลวงพ่อย้อยที่เอวท่านประจำ ปรากฏการณ์ ศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารเป็นที่เลื่องลือในบรรดาลูกศิษย์และคนทั่วไป

เชื่อกันว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อย้อยล้วนมีแต่มีความศักดิ์สิทธิ์ทรงพุทธานุภาพสูงมาก โดยเฉพาะตระกรุดหลวงพ่อย้อยเป็นที่เลื่องลือ และแสวงหานิยมกัน

หลวงพ่อท่านได้ละสังขาร ในปี พ.ศ. 2525 อายุ 90 ปี จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปเกือบสี่สิบปี สังขารหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย ทางวัดได้นำสังขารบรรจุไว้ในโลงแก้ว ให้ประชาชนได้สักการะขอพร ทุกๆ ปีทางวัดจะนำสังขารหลวงพ่อมาทำความสะอาด ปิดทอง และเปลี่ยนสบง จีวรใหม่ใหม่ จะมีประชาชนมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ถือเป็นอีกหนึ่งวัดสำคัญในจังหวัดสระบุรีที่ห้ามพลาดแวะไปเยือนเลยก็ว่าได้ ถ้าหากเพื่อน ๆ มีโอกาสมาเที่ยวที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี อย่าลืมแวะมากราบไหว้หลวงพ่อย้อย รับรองว่าได้รับความเป็นสิริมงคลกลับบ้านไปเต็มกระเป๋าแน่นอนมอร์ 

ที่ตั้ง : ต.ศาลารีไทย อ.เสาไห้ จ.สระบุรี
แผนที่การเดินทาง

admin
admin
สนุกสนาน ร่าเริง ขี้เล่น โก๊ะ ชอบเที่ยว ชอบออกกำลังกาย